พินิจเผย “จีนเพิ่มลงทุนในไทย” คาดตั้งเป้าแสนล้าน

เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2567 ที่ผ่านมา “ประชาชาติธุรกิจ” สัมภาษณ์พิเศษ “พินิจ จารุสมบัติ” ประธานสภาวัฒนธรรมไทย-จีน และส่งเสริมความสัมพันธ์ หนึ่งในหน่วยงานเจ้าภาพการจัดประชุมRCEP Business Opportunities Matchmaking (ไทย-จีน) ขึ้นเป็นครั้งแรกที่ประเทศไทย  

เป้าหมายการรจัดประชุม

การประชุมความร่วมมือเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน การท่องเที่ยว และวัฒนธรรมครั้งนี้ สภา RCEP เป็นหน่วยงานที่ต้องการเสริมสร้างความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน จึงได้นำนักธุรกิจจีนระดับกลางที่เป็นเจ้าของธุรกิจเกือบทุกแขนง รวมถึงข้าราชการระดับนายอำเภอที่เรียกว่านายกเทศมนตรีเมืองมาด้วย

“ผู้ประกอบการชุดนี้สนใจมาหาลู่ทางการลงทุนในประเทศไทย ต้องการหาคู่ค้า อย่างเช่น นิคมอุตสาหกรรม อยากทำธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม มีไปดูนิคมมาบตาพุด ระยอง แหลมฉบัง นอกจากนี้ยังมีธุรกิจยา สมุนไพร อิเล็กทรอนิกส์ เครื่องใช้ไฟฟ้า เกษตร สนใจมาหาทุเรียนไปขาย ท่องเที่ยว โรงแรม พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจสปา พลังงานสะอาด ชิ้นส่วนยานยนต์แบตเตอรี่ รวม 140-150 คน ทั้งจากมณฑลอันฮุย เจียงซู เซี่ยงไฮ้ กว่างโจว ปักกิ่ง เสิ่นเจิ้น เป็นต้น

ส่งเสริมทุนจีนปักฐานในไทย

“จีนเป็นนักลงทุนอันดับ 1 ของไทย ปีที่แล้วมีการลงทุน 70,000-80,000 ล้านบาท มีโอกาสจะเพิ่มขึ้นปีนี้ทะุลุ 1 แสนล้านบาท เพราะมีสัญญาณที่ทุนจีนเข้ามาเยอะมาก ส่วนการค้าของเรา อย่าง 4 เดือนแรก ไทยนำเข้า 100,390 ล้านเหรียญสหรัฐ ส่งออก 97,000 ล้านเหรียญ เราขาดดุลการค้าประมาณ 6,000 กว่าล้านเหรียญสหรัฐเราขาดดุลให้ประเทศจีนเป็นส่วนใหญ่”

มาตรการส่งเสริมการลงทุนต้องมีการยกระดับตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นมาตรการของคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) หรือคณะกรรมการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันอออก  (อีอีซี) ต้องทำให้ทันสมัยทันกับอุตสาหกรรม โดยเฉพาะอุตสาหกรรม ไฮเทคโนโลยีชั้นสูง อย่างปัญญาประดิษฐ์ (AI) ต้องมีการเพิ่มสิทธิประโยชน์มากขึ้น เหมือนเช่นในสิงคโปร์ มาเลเซีย เวียดนาม ซึ่งต่างก็มีการปรับปรุงมาตรการตอดเพราะการลงทุนเป็นซอร์ตเทอม พวกนี้เทคโนโลยีเปลี่ยนเร็ว

ไทยยังได้เปรียบประเทศอื่นอยู่

การปรับมาตรการส่งเสริมการลงทุน เราต้องปรับกฎหมายหรือมาตรการ หรือสร้างแรงจูงใจเพิ่มขึ้นหรือไม่ สิ่งอำนวยความสะดวกนับว่าเป็นสิ่งสำคัญ เพราะนักลงทุนเขาต้องไปลงทุนในจุดที่เขามีกำไร ปอดภัย และมั่นคง ซึ่งแน่นอนว่าเขาต้องพิจารณาเลือก 

ฟังนักลงทุนแล้วไทยยังเป็นศูนย์กลางการลงทุนที่ดีที่สุดในอาเซียน เราติดอยู่ในอันดับโลก เพราะโครงการสร้างพื้นฐานของเราในอาเซียนเราเหนือกว่าคนอื่น แต่ไปเปรียบสิงคโปร์ เพราะต่างกัน เรามีความแข็งเกร่งกว่าเขาที่เป็นประเทศเล็ก แต่เราเสียเปรียบ คือ แรงงานเราน้อย เพราะเด็กเกิดใหม่เราน้อย ประมาณ 5-6 แสน ไทยมีประชากร 66 ล้านคน

มั่นใจจุดแข็งประเทศไทย

สุดท้าย “พินิจ” ย้ำว่า ไทย-จีน มีการเพิ่มพูน แต่ไม่ใช่ควรเพิ่มเฉพาะตัวเลขอย่างเดียวต้องเพิ่มเรื่องคุณภาพ ศักยภาพการแข่งขันของไทยให้ไทยแข่งขันได้ในอาเซียน วันนี้ไทยมีจุดแข็งมากมาย มีสิ่งอำนวยความสะดวกและสิทธิประโยชน์ให้นักลงทุนต่างประเทศจำนวนมาก

ที่มา:
https://www.prachachat.net/economy/news-1573986