มุ่ง 50 ปีทางการทูตไทย-จีน ในปี 2568 พร้อมผลักดันความร่วมมือหลากหลายด้าน

วันนี้ (19 ต.ค. 2566) เวลา 17.15 น. (ตามเวลาท้องถิ่นกรุงปักกิ่ง ซึ่งเร็วกว่าไทย 1 ชั่วโมง) ณ East Hall มหาศาลาประชาชน กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง หารือ ทวิภาคีกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน โดยภายหลังเสร็จสิ้นการหารือ นายสัตวแพทย์ชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนานกรัฐมนตรี สรุปสาระสำคัญดังนี้ 

นายกฯไทย – ปธน. จีน เน้นย้ำความเป็นหุ้นส่วนความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์อย่างรอบด้าน ยกระดับความร่วมมือทุกมิติ 

วันนี้ (19 ต.ค. 2566) เวลา 17.15 น. (ตามเวลาท้องถิ่นกรุงปักกิ่ง ซึ่งเร็วกว่าไทย 1 ชั่วโมง) ณ East Hall มหาศาลาประชาชน กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง หารือ ทวิภาคีกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน โดยภายหลังเสร็จสิ้นการหารือ นายสัตวแพทย์ชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนานกรัฐมนตรี สรุปสาระสำคัญดังนี้ 

นายกรัฐมนตรีกล่าวขอบคุณต่อการต้อนรับที่อบอุ่นในการเข้าร่วมการประชุม Belt and Road Forom For International Cooperation (BRF) ครั้งที่ 3 ตามคำเชิญของประธานาธิบดีจีน และยินดีต่อวาระการครบรอบ 10 ปี ของข้อริเริ่มสายแถบและเส้นทาง (Belt and Road Initiative: BRI) รวมถึงความสำเร็จในการจัดการประชุมฯ

โอกาสนี้ นานกรัฐมนตรีและประธานาธิบดีจีนยืนยันสารต่อความสำพันธ์ไทย-จีน ที่มีมายาวนาน ตามประโยคที่ว่า “จีน-ไทย ใช่อื่นไกล พี่น้องกัน”  พร้อมเน้นย้ำความเป็นหุ้นส่วนความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์อย่างรอบด้านไทย-จีน ที่ใกล้ชิด การส่งเสริมการแลกเปลี่ยนการยื่นระดับสูงอย่างต่อเนื่อง และมุ่งสู่วาระการเฉลิมฉลองครบรอบ 50 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ ทางการทูตระหว่างกันในปี 2568 โดยนายกรัฐมนตรี ได้เชิญประธานาธิบดีจีนเดินทางเยือนไทย อย่างเป็นทางการในโอกาสที่สะดวก

ทั้งสองฝ่ายได้หารือถึงประเด็นสำคัญต่างๆ ร่วมกัน ดังนี้ 

ความร่วมมือทางด้านเศรษฐกิจ ทั้งสองฝ่ายมองว่า ความท้าทายทางเศรษฐกิจของโลก ทั้งปัญหาเศรษฐกิจชะลอตัว และความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศ จึงยินดีร่วมมือกันเพื่อเสริมสร้างความพร้อมในการตอบสนองต่อความท้าทาย รวมถึงเห็นพ้องการเพิ่มพูนการค้าและการลงทุน โดยเฉพาะในอุตสาหกรรม เป้าหมาย ทั้งยานยนต์ไฟฟา แบตเตอรี่ เซมิคอนดักเตอร์ พลังงานสะอาด และอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องกับโมเดลเศรษฐกิจ BCG ของไทย รวมทั้ง นายกรัฐมนตรีได้นำเสนอเกี่ยวกับโครงการ Landbridge เชิญชวนให้มีการลงทุน ทั้งนี้ ไทยยังเห็นความความสำคัญของนักลงทุน ซึ่งเมื่อปีที่ผ่านมาจีนเป็นนักลงทุนต่างชาติอันดับแรกของไทย ซึ่ง ประธานาธิบดีกล่าวว่านักลงทุนจีนมีความสนใจในการลงทุนใน Mega Project ของไทย

ความร่วมมือด้านการท่องเที่ยว นายกรัฐมนตรีมองว่า การท่องเที่ยวสามารถเป็นนโยบายที่จะสามารถดำเนินการและเกิดผลประโยชน์ได้อย่างรวดเร็ว (Quick win) ไทยจึงออกนโยบาย  Visa Free ชั่วคราวสำหรับชาวจีน จึงจะช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวและการไปมาหาสู่ของประชาชนทั้งสองประเทศได้มากขึ้น  โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวแสดงความเสียใจ ที่มีนักท่องเที่ยวจีนเสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์กราดยิงที่ห้างสรรสินค้า ยืนยันว่ารัฐบาลได้ดำเนินการเยียวยาผู้เสียหายอย่างเต็มที่ และการดำเนินการตามกฏหมายต่อผู้กระทำผิด และให้ความสำคัญกับการดูแลความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวต่างชาติ รวมทั้งเสนอให้ทั้งสองฝ่ายเจรจาการตกลงเรื่องการยกเว้นตรวจลงตราระหว่างกัน

ความร่วมมือด้านความมั่นคง จีนยืนยันความร่วมมือกับไทยในการปราบปรามอาชาญกรรมข้ามชาติ และส่งผลต่อการทำธุรกิจที่ผิดกฏหมายในประเทศเพื่อนบ้านของไทย โดยรวมกันแก้ปัญหาอาชญากรรมทางไซเบอร์ ปัญหา Call Center การพนันออนไลน์ การค้ามนุษย์ และยาเสพติด

ความร่วมมือในกรอบพหุภาคี และไทยจีนได้หารือร่วมกันถึงแนวทางสนับสนุนซึ่งกันและกันในเวทีระหว่างประเทศ ทั้งกรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง (Mekong-Lancang Cooperation: MLC) อาเซียน-จีน และสหประชาชาติเพื่อส่งเสริมการพัฒนาภูมิภาคและโลก 

ที่มา:
https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/73552