เมื่อวานที่ผ่านมาตลาดหุ้นจีนและหุ้นไทยปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ค่อนข้างดี หุ้นจีน CSI300+1.35%, Hang Seng Index +1.57% ขณะที่หุ้นไทย +0.91% ด้วนมูลค่าการซื้อขาย 64.86 หมื่นล้านบาท นักลงทุนต่างชาติ ซื้อ 6.31 พันล้านบาท
โดยสาเหตุที่ตลาดหุ้นจีนบวกแรงมาจากการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐบาลจีนโดยธนาคารกลางจีน (PBOC) มีมติปรับลดเงินกู้ลง 0.25% ปรับลดราคาบ้านหลังแรกจาก 25% สู่ดอกเบี้ยที่ 20% รวมถึงการที่ กลต.จีน เดินหน้าสร้างเสถียรภาพให้กับตลาดหุ้นจีน เช่น การเปลี่ยนประธานตลาดหลักทรัพย์คนใหม่อัดเงินพยุงตลาดหุ้น ประคองเศรษฐกิจ การที่รัฐบาลสั่งห้าม Short Sell เป็นต้น ทำให้ตลาดหุ้นจีนกลับมาเป็นที่สนใจของนักลงทุนทั่วโลกอีกครั้ง สังเกตจาก FondFlow ไหลเข้า ETF จีนมาสุดในประวัติการณ์ ราวๆ 3.5 พันล้านหยวน
โดยเฉพาะประเด็นเรื่องการสั่ง เฮดจ์ฟันด์ระงับการขายชอร์ตในตลาดฟิวเจอร์คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์จีน หรือ CSRC ได้สั่งให้ผู้จัดการกองทุนเฮดจ์ฟันด์บางแห่งห้ามทำ Short Selling หรือขายชอร์ตในดัชนีตลาดหุ้นล่วงหน้า โดย CSRC มีเป้าหมายที่จะสร้างเสถียภาพในตลาด หลังจากตลาดหุ้นจีนล่วงลงอย่างหนัก จากการที่ตลาดหุ้นจีนทรุดตัวลง 13% ในปี 2566 และปรับตัวลงอย่างต่อเนื่องในปีนี้ โดยถูกกดดันจากการที่นักลงทุนต่างชาติกระหน่ำขายหุ้น ท่ามกลางการวิตกกังวลเกี่ยวกับวิกฤตการณ์ในภาคอสังหาริมทรัพย์ และความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจจีน
กระแสข่าวนี้มีผลกระทบทันที Citic Securities โบรกเกอร์รายใหญ่ของจีน ได้ประกาศระงับทำงาน Short Selling สำหรับลูกค้าบางราย หลังจากตลาดหุ้นจีนหุ้นจีนร่วงลงอย่างหนัก ความคลื่นไหวดังกล่าวเป็นการส่งสัญญาณว่า รัฐบาลจีนมีความตั้งใจที่จะกระตุ้นบรรยากาศการซื้อขายที่คึกคักขึ้น หลังจากความพยายามในช่วงก่อนหน้านี้ ซึ่งรวมถึงการที่หน่วยงานของรัฐบาลเข้าซื้อหุ้นในกลุ่มธนาคารนั้น ไม่สามารถหนุนตลาดให้ดีดตัวขึ้นได้ ที่ผ่านมานั้น รัฐบาลจีนพยายามจำกัดการขายชอร์ตในช่วงเวลาที่ตลาดมีความผันผวนอย่างหนัก และมีรายงานว่าทางการจีนได้สั่งระงับการขายชอร์ตเมื่อเดือน ต.ค. ปีที่แล้ว เพื่อสกัดการร่วงลงของตลาดหุ้น
อย่างไรก็ตามถ้าเราดูผลตอบแทนในเดือน มกราคม จะพบว่าตลาดหุ้นจีนปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างโดดเด่นมากกว่าตลาดหุ้นทั้วโลก เช่น CSI300 +8% ในรอบ 1 เดือน รวมถึง ดัชนี Hang Seng Index +11% เข้าไปแล้วเรียกได้ว่า สามารถ Outperform ตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกา และตลาดทางฝั่งยุโรปอย่างเห็นได้ชัด
คำถามคือ ถ้า ตลาดหุ้นจีนดี เศรษฐกิจจีนดี อาจจะส่งผลเชิงบวกมายังตลาดหุ้นไทย ได้อีกด้วย สาเหตุเป็นเพราะว่า ประเทศไทยมีสัดส่วนการค้าขายกับจีนเป็นอันดับ 1 และน่าจะเป็นกลุ่มประเทศแรกๆ ที่ได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีน
บทวิเคราะห์หลักทรัพย์เอเชียพลัส วิเคราะห์ว่า การเข้าซื้อของนักลงทุนต่างชาติเมื่อวานนี้ ประมาณ 6.3 พันล้านบาท เป็นการซื้อสูงสุดในรอบ 14 เดือน และในระยะถัดไปเราน่าจะเห็น FundFlow ทยอยไหลเข้าเพิ่มเติม และชลอการขาย โดยหลักน่าจะเป็นประเด็นบวกจากการพยุงเศรษฐกิจและตลาดหุ้นจีน ทำให้ตัวเลขเศรษฐกิจดีขึ้นตามลำดับ ประเทศไทยจะได้จำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น และการค้ากับจีนที่มากขึ้นตาม อีกประเด็นที่มองข้ามไม่ได้ คือการเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐที่เกิดขึ้น ในไตรมาส 2 ปี 2567 ที่จะถึงนี้ น่าจะทำให้ GDP Growth ของประเทศไทยเติบโตได้ราวๆ 3%
ฝ่ายวิจัยมองว่า SET Index ณ ระดับนี้ เป็นจุดที่น่าสนใจ และมอง Downsind ระดับปัจจุบันไม่มากแล้ว (รับรู้ข่าวร้ายไปมากแล้ว)
ปี 2567 จะเป็นปีที่นักลงทุนไม่ควรมองข้ามตลาดหุ้นจีน และตลาดหุ้นไทย เพราะไม่แน่ว่า ปีนี้อาจจะเป็นที่โดดเด่นของทั้ง 2 ตลาด ก็เป็นไปได้เหมือนกันครับ…