ไทย-จีน เดินหน้า เรือดำน้ำรักษาสัมพันธ์ หวั่น ครม.ยืดสัญญาติดเครื่องยนต์จีน

16 พ.ค 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าการเจรจาแก้ปัญหาเรือดำน้ำ ระหว่าง พลเอก สมศักดิ์ รุ่งสิดา ที่เป็นที่ปรึกษารัฐมลตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กับ ตัวแทน หน่วยงานด้านยุทธปกรณ์ ของกระทรวงกลาโหมจีน

16 พ.ค 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าการเจรจาแก้ปัญหาเรือดำน้ำ ระหว่าง พลเอก สมศักดิ์ รุ่งสิดา ที่เป็นที่ปรึกษารัฐมลตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กับ ตัวแทน หน่วยงานด้านยุทธปกรณ์ ของกระทรวงกลาโหมจีน

โดย นายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม ได้เข้าร่วมรับฟังการประชุม ในวันที่ 14 พฤษภาคม 2567 ด้วยทั้งนี้การเจรจาแก้ปัญหาเรือดำน้ำ ระหว่างไทยจีนดำเนินการมาแล้วหลายครั้ง แต่ที่ผ่านมาการเจรจาอาจจะล่าช้า เพราะทางฝ่ายจีน อยู่ในช่วงปรับโครงสร้างกองทัพ  มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหลายหน่วยงานแต่ขณะนี้ได้รวมศูนย์หน่วยงานยุทธปกรณ์เป็นหน่วยงานเดียวขึ้นกับกระทรวงกลาโหมจีน ซึ่ง ได้เดินทางมาร่วมพูดคุย หาทางออกในครั้งนี้ด้วย

โดยหน่วยงานของจีนที่ส่งมาคือ  The Bureau of Military Equipment and Technology Cooperation (BOMETEC) ซึ่งเป็นหน่วยงานรับรองการขายอาวุธที่มีใช้ในกองทัพจีนให้กับต่างประเทศ และ ‘The State andministration of Science, Technology and Industry for national Defense (SASTIND) ซึ่งเป็นหน่วยงานรับรองบริษัทที่ขายอาวุธในต่างประเทศ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับทางอออกในการแก้ไขปัญหาโครงการเรือดำน้ำ มีเพียง 2 ทางคือ 1.เดินหน้าต่อ หรือ 2. ยกเลิก ซึ่งหากการเปลี่ยนจากโครงการเรือดำน้ำ เป็นเรือฟริเกต หรือเรือฟริเกต หรือเรือ OPV ก็เท่ากับยกเลิกโครงการเรือดำน้ำด้วยเช่นกัน ซึ่งจากการหารือ และประเมินข้อดี-ข้อเสียแล้วพบว่า การยกเลิกโครงการจะเกิดผลเสียมากกว่าผลดี โดยฝ่ายไทย อาจต้องฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายเรื่องเงินค่างวดที่จ่ายไปแล้วล่วงหน้า และอาจได้คืนเพียงบางส่วน ไม่ครบตามจำนวนที่จ่ายไปทั้งหมด ดังนั้น ทั้งสองฝ่ายจึงเลือกเดินหน้าโครงการการจัดหาเรือดำน้ำต่อ เพื่อรักษาความสัมพันธ์ไทย-จีนที่มีมายาวนาน

โดยทางฝ่ายจีนยินดีที่จะสนับสนุนทางการทหาร เช่น การสนับสนุนยุทธปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับเรือดำน้ำทั้งเครื่องช่วยฝึก หรือ Simulator และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องอื่นๆ รวมถึงเรื่องระบบประกัน/ การฝึกศึกษา ซึ่งมีมูลค่าหลายร้อยล้านบาท แต่ทางจีนยังไม่ขอเปิดเผยในรายละเอียด เพราะต้องการให้โครงการเรือดำน้ำเดินหน้าอย่างชัดเจนก่อน

สำหรับขั้นตอนต่อไป คืแกระทรวงกลาโหมจะสรุปผลการเจรจานำเสนอ นายเศรษฐา ทวีสินนายกรัฐมนตรี พิจารณาเพื่อนำเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)เพราะจะต้องมีการแก้สัญญา 2 ส่วนได้แก่ การขยายเวลาสัญญาต่อเรือดำน้ำออกไปอีกราว 1,200 วัน และการเปลี่ยนเครื่องยนต์จากเยอรมัน MTU396  เป็นเครื่องยนต์จีน CHD620 เพื่อให้ ครม. เห็นชอบต่อไป

ที่มา:
https://www.bangkokbiznews.com/politics/1127130