สมาคมส่งเสริมการลงทุนและการค้าไทย-จีน ประกาศนำเอกชนไทย บุกตลาดลั่วหยาง จีน!

ปนายกและเลขาธิการสมาคมส่งเสริมการลงทุนและการค้าไทย-จีน และรองประธานและเลขาธิการหอการค้าไทยในจีน นำผู้ประกอบการไทย 50 ชีวิต ไปทัศนศึกษา “ลั่วหยาง” เมื่องเศรษฐกิจอันดับ 2 ของมณฑเหอหนาน ชูเศรษฐกิจพื้นที่สุดแกร่งโต 17% เหมาะลงทุนด้านอุตสาหกรรมบริการ ท่องเที่ยว 

ปนายกและเลขาธิการสมาคมส่งเสริมการลงทุนและการค้าไทย-จีน และรองประธานและเลขาธิการหอการค้าไทยในจีน นำผู้ประกอบการไทย 50 ชีวิต ไปทัศนศึกษา “ลั่วหยาง” เมื่องเศรษฐกิจอันดับ 2 ของมณฑเหอหนาน ชูเศรษฐกิจพื้นที่สุดแกร่งโต 17% เหมาะลงทุนด้านอุตสาหกรรมบริการ ท่องเที่ยว 

ดร.ไพจิตร วิบูลย์ธนสาร อุปนายกและเลขาธิการสมาคมส่งเสริมการลงทุนและการค้าไทย-จีน และรองประธานและเลขาธิการหอการค้าไทยในจีน เปิดเผยว่า  ได้นำคณะผู้ประกอบการไทยรวม 50 คน ไปทัศนศึกษาที่ เมือง ลั่วหยาง สาธารณรัฐประชาชนจีน เพื่อสร้างโอกาสทางการค้า การลงทุน สำหรับ “ลั่วหยาง” เป็นเมืองเศรษฐกิจอันดับ 2 ของมณฑเหอหนาน มีประชากรประมาณ 100 ล้านคน และเป็นเมืองที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากสถานการณ์ โควิด-19 คลี่คลาย ส่งผลให้ ลั่วหยาง มีอัตราเติบโตทางเศรษฐกิจที่สูงมากเหอหนาน

ข้อมูลที่น่าสนใจคือ จีนตั้งเป้าเติบโตที่ 5% แต่ ลั่วหยาง โต 17% นั้นหมายถึงศักยภาพและโอกาส ซึ่งลั่วหยางเป็นเมืองเศรษฐกิจใหม่ในด้านอุตสาหกรรมและด้านบริการ โดยเฉพาะด้านการท่องเที่ยว ที่มีศักยภาพมาก มีสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาตร์สำคัญของจีนเช่น พระพุทธรูปถ้ำผาหลงเหมิน เก่าแก่ที่สุดและเป็น 1 ใน 3 ถ้ำผาที่สวยที่สุดของประเทศจีน หรือวัดเส้าเหลิน ศาลไคฟง เปาปุ้นจิ้น ก็ต้องอยู่ที่นี่

เขา กล่าวว่า แต่ละปีมีนักท่องเที่ยวจากนอกพื้นที่ เข้ามาเมืองลั่วหยางเป็นจำนวนมาก 100-200 ล้าน คน ต่อปี หรือเกือบสองเท่าของพลเมืองของประเทศไทย ซึ่งแสดงให้เห็นมิติทางด้านเศรษฐกิจที่ได้รับประโยชน์ ด้านการท่องเที่ยวของเมืองลั่วหยาง ยังไม่นับรวมเทศกาลดอกโบตั๋น ที่จัดขึ้นในช่วงเดือนมีนาคม เป็นประจำทุกปี ขณะเดียวกันการนำศิลปะการแสดงที่เป็นเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมไทย ไปจัดแสดงถือเป็นซอฟพาวเวอร์ (Soft Power) ไทยในการปูไปสู่การทำธุรกิจที่นั้นได้เป็นอย่างดี

ที่ ลั่วหยางมีโรงละครใหญ่เป็นส่วนหนึ่งของอินเตอร์เนชั่นเนลพลาซ่าที่ ซีพี.ได้สร้างขึ้น เป็นห้างใหญ่โมเดิร์นที่สุดแห่งหนึ่งในลั่วหยาง ตั้งอยู่ใจกลางย่านเมืองใหญ่ ถ้าเราใช้ที่นี่เป็นศูนย์กลางแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมไทย-จีน มีร้านอาหารไทย มีนวดแผนไทย หรือธุรกิจที่สะท้อนถึงความเป็นไทย คิดว่าคงไปได้ดี ยิ่งเรามีพี่ใหญ่อย่างซีพี.คอยให้การสนับสนุน มีเวทีพร้อมให้ ก็น่าจะเป็นโอกาสที่ดีสำหรับผู้ประกอบการไทย ส่วนผู้ประกอบการไทยรายใดสนใจ และจะไปทำธุรกิจในรูปแบบใด ขึ้นอยู่กับความพร้อมของเจ้าของธุรกิจนั้นๆ ไม่ว่าจะเป็นการร่วมทุนกับพาร์ทเนอร์ท้องถิ่นตั้งตัวแทนจัดจำหน่ายหรือเช่าสถานที่ดำเนินกิจการเอง แต่ไม่ว่าจะดำเนินธุรกิจในรูปแบบใด ทางสมาคมส่งเสริมการลงทุนและการค้าไทย-จีน และหอการค้าไทยในจีน ยินดีให้คำปรึกษาแนะนำ พร้อมให้การสนับสนุน

“ทั้งสมาคมฯและหอการค้าไทยในจีนยินดี ในการเป็นพี่เลี้ยงให้กับผู้ประกอบการไทย หรือนักลุงทุนไทยในจีน ซึ่งเป็นภารกิจสำคัญของเรา ที่ดำเนินการมาโดยตลอด เพราะเราอยากเห็นผู้ประกอบการไทยโดนเฉพาะเอสเอ็มอี มีโอกาสและทรัพยากรที่จำกัดได้ไปเริ่มตั้งต้นเติบโตในเมืองจีนอย่างถูกต้อง” ดร.ไพจิตร กล่าว

ดร.ไพจิตร พิบูลย์ธนาสาร อุปนายกและเลขาธิการสมาคมส่งเสริมการลงทุนและการค้าไทย-จีนและรองประธานและรองประธานและเลขาธิการหอการค้าไทยในจีน

นายอินทัช มหัทธนารักษ์ ผู้บริหารบริษัท ธัญทัช อินเตอร์เทรด จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายอาหารสำเร็จรูปพร้อมเครื่องปรุงตรา “เครื่องต้น”  หนึ่งในคณะผู้ประกอบการไทยที่เดินทางไปเมืองลั่วหยาง กล่าวว่า ประทับใจที่คนจีนและรัฐบาลจีน ให้การร่วมมือและยินดีที่สนับสนุนผู้ประกอบการไทยไปทำธุรกิจที่ประเทศจีน ซึ่งจะทำให้คนจีนได้รู้จักอาหารไทยมากขึ้น

“เมื่อมาถึงเมืองลั่วหยาง ภาพแรกที่ผมได้เห็นคือยังไม่ค่อยเห็นสินค้าไทยหรือสินค้าอิมพอร์ทมาจากหลายๆประเทศ คิดว่าธุรกิจกับต่างประเทศในลั่วหยางยังไม่ได้บูมเหมือนเมืองใหญ่ๆ ในจีน ดังนั้นถ้าเราเป็นเจ้าแรกๆ ที่เข้าไปผมมองว่ามันจะเป็นโอกาสที่ดี จะทำให้คนจีนรู้จักสินค้าไทย อาหารไทย วัฒนธรรมไทยมากขึ้น เพราะลั่วหยางเป็นเมืองใหญ่มากธุรกิจเหล่านี้น่าจะไปได้ดี” ผู้บริหาร ธัญทัช อินเตอร์เทรด กล่าว

ที่มา:
https://www.komchadluek.net/news/economic/564876