CIVIL จ่อเซ็นสัญญา “รฟท.” โครงการรถไฟไทย-จีน วงเงิน 9,650 ล้านบาท

CIVIL จ่อเซ็นสัญญา “รฟท.” โครงการรถไฟฟ้าไทย-จีน เฟส 1 สัญญาที่ 4-5 ช่วงบ้านโพพระแก้ว วงเงิน 9,650 ล้านบาท ภายในไตรมาส 3/67 มั่นใจปีนี้รายได้แตะ 6.5 พันล้านบาท หลังตุนแบ็กล็อก “นิวไฮ” แตะ 3 หมื่นล้านบาท พร้อมลุยประมูลงานภาครัฐ-เอกชน เล็งจับมือพันธมิตรพัฒนาธุรกิจยานยนต์เชิงพาณิชย์ - อสังหาฯ - วัสดุก่อสร้าง เสริมแกร่งธุรกิจดันผลงานเข้าเป้าตามแผน

CIVIL จ่อเซ็นสัญญา “รฟท.” โครงการรถไฟฟ้าไทย-จีน เฟส 1 สัญญาที่ 4-5 ช่วงบ้านโพพระแก้ว วงเงิน 9,650 ล้านบาท ภายในไตรมาส 3/67 มั่นใจปีนี้รายได้แตะ 6.5 พันล้านบาท หลังตุนแบ็กล็อก “นิวไฮ” แตะ 3 หมื่นล้านบาท พร้อมลุยประมูลงานภาครัฐ-เอกชน เล็งจับมือพันธมิตรพัฒนาธุรกิจยานยนต์เชิงพาณิชย์ – อสังหาฯ – วัสดุก่อสร้าง เสริมแกร่งธุรกิจดันผลงานเข้าเป้าตามแผน

นายปิยะดิษฐ์  อัศวศิริสุข ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท ซีวิลเอนจีเนียริง จำกัด (มหาชน) หรือ CIVIL เปิดเผยว่า ทิศทางการดำเนินงานช่วงครึ่งปีหลัง 2567 ว่า บริษัทตั้งเป้าหมายเติบโตต่อเนื่อง โดยมุ้งเน้นการเข้ารับงานโครงการต่อสร้างขนาดใหญ่ที่มีศักยภาพทั้งภาครัฐและเอกชน จากการที่รัฐบาลเร่งเบิกจ่ายงบประมาณปี 2567 เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งจะเป็นโอกาสให้กับบริษัทมากขึ้นในการเข้าประมูลงาน โดยเฉพาะโครงการก่อสร้างที่บริษัทมีความเชี่ยวชาญ อาทิ งานโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ , งานประเภทรถไฟความเร็วสูง และ งานถนน มูลค่ากว่า 8,000 ล้านบาท

อีกทั้งบริษัทอยู่ระหว่างรอลงนามสัญญาจำนวน 8 โครงการ มูลค่า 10,000 ล้านบาท ได้แก่ งานถนน และงานก่อสร้างรถไฟความเร็วสูง โดยงานทั้งหมดที่คาดว่าได้รับจะส่งผลให้มูลค่างานในมือ (Backlog) ของบริษัทในช่วงสิ้นปี 2567 เติบโตสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ระดับ 30,000 ล้านบาท จากปัจจุบันมี Backlog จำนวน 22,538 ล้านบาท

ส่วนแนวโน้มผลการดำเนินงานไตรมาส 2/67 คาดเติบโตดีกว่าไตรมาส 1/67 เนื่องจากเริ่มทยอยรับรู้รายได้จากงานโครงการต่างๆมากขึ้น คาดรายได้ในปี 2567 จะเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ 6,500 ล้านบาท จากแผนการดำเนินงาน 2 ส่วน ได้แก่ ธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง ซึ่งเป็นธุรกิจหลักของบริษัท และ ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับงานก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์ พร้อมวางเป้าหมายการเติบโต 3 ปี ข้างหน้า (ปี 67-69) เติบโตเฉลี่ย 38% ต่อปี สู้เป้าหมายรายได้ 9,000 ล้านบาทในปี 69

ดาดความคืบหน้าการลุงทุนสัญญาโครงการรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน เฟส 1 ช่วงกรุงเทพฯ-นครราชสีมา สัญญาที่ 4-5 ช่วงบ้านโพพระแก้ว วงเงิน 9,650 ล้านบาท กับบริษัท บุญชัยพาณิชย์ (1797) จำกัด ในเครือ CIVIL คาดการณ์จะได้ลงนามกับการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ภายใน 2 เดือน หรือภายไตรมาส 3/67 นี้ หลังจากที่เลื่อนมาหลายครั้งก่อนหน้า

ส่วนความคืบหน้าโครงการอื่นมีดังนี้  โครงการรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน ภายใต้สัญญา 4-7 ช่วงสระบุร-แก่งคอย รวมมูลค่า 8,639 ล้าน คืบหน้าไปแล้ว 65% , โครงการทางด่วนพระราม 3 วงเงิน 1,960 ล้านบาท คืบหน้า 57% , โครงการคลองระบายน้ำหลากบางบาล-บางไทร วงเงิน 3,459 ล้านบาท คืบหน้าแล้ว 17% , โครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าทางคู่บางสะพานน้อย-ชุมพร วงเงิน 1,863 ล้านบาท ความคืบหน้าไปแล้ว 99%

ขณะที่โครงการอ่างเก็บน้ำคลองสังข์ วงเงิน 399 ล้านบาท คืบหน้าไปแล้ว 84% และคาดว่าภายใน 2 เดือนจากนี้จะเสร็จเรียบร้อยดี ,โครงการปรับปรุงสนามบินหัวหิน วงเงิน 243 ล้านบาท คืบหน้าไปแล้ว 93%,โครงการ ปรับปรุงสนามบินลำปาง มูลค่า 225 ล้านบาท คืบหน้า 99% และงานปรับปรุงโครงการก่อสร้างสายพัฒนาคูน้ำริมถนนวิภาวดีรังสิต วงเงิน 544 ล้าน คืบหน้าแล้ว 88%

ทั้งนี้ปัจจุบันบริษัทมีสัดส่วนรายได้งานก่อสร้างแบ่งเป็น งานก่อสร้างทางรถไฟและทางรถไฟความเร็วสูง 46% , งานก่อสร้างทางหลวง ทางต่างระดับ และทางพิเศษ33.9% และงานประเภทอื่นๆ 20.1% อาทิ ครองระบายน้ำ งานก่อสร้างเขื่อนและอ่างเก็บน้ำ และ สนามบิน

ขณะที่ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับงานก่อสร้าง บริษัทอยู่ระหว่างศึกษาความร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจที่มีความหลากหลายมากขึ้น อาทิ ธุรกิจยานยนต์เชิงพาณิชย์ (EV) เพื่อเสริมความแข็งแกร่งของธุรกิจอย่างยั่งยืนและคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ยังเพิ่มโอกาสการเติบโตในส่วนธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และเครื่องจักรก่อสร้างให้เช่า ร่วมไปถึงการต่อยอดธุรกิจวัสดุก่อสร้าง ของบริษัท ซึ่งทั้งหมดจะเริ่มเห็นความชัดเจนในช่วงครึ่งปีหลัง 2567 เป็นต้นไป

“ภาพรวมอุตสาหกรรมก่อสร้างที่ผ่านมาถือเป็นความท้าทายอย่างยิ่ง แต่สิ่งที่ทำให้ CIVIL มีความแตกต่างคือการรักษาต้นทุนการก่อสร้างให้อยู่ในระดับที่ดี และ การมีกระแสเงินสดที่แข็งแกร่ง สามารถดูแลผู้ที่เกี่ยวข้องภายใต้การดำเนินงานทั้งหมด อีกทั้งการมุ่งเน้นพัฒนาประสิทธิภาพงานรอบด้าน ทั้งในแง่การบริหารโครงการให้เป็นไปตามกำหนดเวลาภายใต้ข้อจำกัดด้านพื้นที่ก่อสร้าง รวมไปถึงการมี Backlog ที่สร้างการรับรู้รายได้อย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทยังคงเดินหน้าเพิ่มขีดความสามารถการเข้าประมูลงานที่มีศักยภาพ ด้วยความพร้อมในการแข็งขันทุกโครงการ ซึ่งปัจจุบันภาครัฐมีความชัดเจนในด้านงบประมาณและโครงการที่จะเริ่มเปิดประมูลในช่วงครึ่งปีหลังมากขึ้น ถือเป็นโอกาสที่ดีของบริษัทในการสร้างความเติบโตทั้งรายได้ และความสามารถในการทำกำไรให้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้” นายปิยะดิษฐ์ กล่าว

ที่มา:
https://www.kaohoon.com/news/680715