“พิมพ์ภัทรา” รุกต่อยอดร่วมมือด้านเศรษฐกิจอุตสาหกรรมไทย-จีน พร้อมแลกเปลี่ยนนโยบายการสนับสนุนและพัฒนาสาขาอุตสาหกรรม
“เป้าหมายไทยผ่านมาตรการเกี่ยวกับยานยนต์ไฟฟ้าและพลังงานสะอาดเพื่อสิ่งแวดล้อมของภาครัฐ”
นางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีการกระทรวงอุตสาหกรรมเปิดเผยว่าได้ดำเนินการต่อยอดพัฒนาความร่วมมือด้าน เศรษฐกิจอุตสาหกรรมไทย-จีนโดยได้มีการหารือนักลงทุนสาขาอุตสาหกรรมเพื่อสนับสนุนความร่วมมือด้านเศรษฐกิจอุตสาหกรรมที่นครเซี่ยงไฮ้ มณฑลเจียงซู และมณฑลหูหนาน
ในการเสริมสร้างความเข้าใจความเชื่อมั่นและแสดงความพร้อมของไทยให้กับนักลงทุนจีนที่จะเข้ามาลงทุนอุตสาหกรรมการผลิตในไทยเพื่อให้เกิดความร่วมมือทางเศรษฐกิจ รวมถึงกลไกการดำเนินงาน ระหว่างไทยและจีนได้อย่างมั่นคงต่อไป
ทั้งนี้ ได้มีการหารือนักลงทุนสาขาอุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์ของสาธารณรัฐประชาชนจีน ภายใต้การดำเนินโครงการการพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันอย่างยั่งยืนให้กับผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์อุตสาหกรรมที่มุ่งสู่ระบบการขนส่งและเคลื่อนที่อัจฉะริยะ : ระบบขับขี่อัตโนมัติ (ADAS) ยานยนต์สมัยใหม่ ระบบร่าง ชิ้นส่วนอากาศยาน ชิ้นส่วนอุปกรณ์ อิเล็กทรอนิกส์ และยานยนต์สำหรับผู้สูงวัย (Capacity Building for Auto Parts Suppliers with Sustainable Development toward Transportation and Smart Mobility: ADAS system, new energy vehicle, rail system, aircraft parts, electronic parts, vehicles for aging people)
โดยได้หารือ และเยี่ยมชม 3 หน่วยงานประกอบด้วย
- SAIC Motor Co., Ltd (สำนักงานใหญ่) เซี่ยงไฮ้ บริษัทรถยนต์รายใหญ่ที่สุดในตลาดหุ้นจีน และเป็นบริษัทไฟฟ้ารายแรกๆ ที่เขามาลงทุนในไทย ตั้งแต่ปี 2566 ผ่านการรวมทุนกับเครือ CP จำหน่ายรถยนต์ MG โดยได้นำเสนอนโยบาย EV 3.5 ของรัฐบาลในการสนับสนุนการผลิตและจำหน่าย ยานยนต์ไฟฟ้า และได้เน้นย้ำขอให้บริษัทฯ เห็นความสำคัญในการพัฒนาบุคลากร
- United Auto Battery Co., Ltd บริษัทผลิตแบตเตอรี่เทคโนโลยีใหม่เพื่อเป็นฐานการผลิตและบริหารจัดการแบตเตอรี่อย่างยั่งยืน ซึ่งจะช่วยส่งเสริมห่วงโซ่อุทานของอุตสาหกรรมการผลิตยานยนต์พลังงานใหม่ในจีน โดยใช้การผลิตด้วยเครื่องจักรกลอัจฉริยะเป็นหลัก ร่วมกับการตรวจสอบมาตรฐานโดยเจ้าหน้าที่ และมีการขยายการผลิตและการวิจัยในสหภาพยุโรปและสหรัฐอเมริกา
- SVOLT Energy Technology บริษัทพัฒนาจากหน่วยผลิตแบตเตอรี่และวัสดุสำหรับเก็บพลังงานของบริษัท Great Wall Motors (GWM) ด้วยเทคโนโลยีขั้นสูง ปัจจุบันได้มีการร่วมทุนกับบริษัทของไทย และอยู่ระหว่างการขอรับการส่งเสริมการลงทุน โดยมีเป้าหมายเพื่อให้เกิดการจ้างงาน ฝึกอบรมบุคลากร ถ่ายทอดเทคโนโลยี ตลอดจนสร้างห่วงโซ่อุปทานครบวงจรไปจนถึงการจัดการหลังสิ้นสุดอายุการใช้งาน รวมถึงได้มีการลงนาม MOU ร่วมกับมหาวิทยาลัยในประเทศไทยแล้ว
นางสาวพิมพ์ภัทรา กล่าวอีกว่า นาย เหมา เว่ย หมิง ผู้ว่าการมณฑลหูหนานได้นำเสนอศักยภาพของมณฑลหูหนานที่เป็นแหล่งอุตสาหกรรม หลักของประเทศจีนเช่น ยานยนต์สมัยใหม่ รถไฟ อากาศยาน ดิจิทัล เทคโนโลยีสารสนเทศ หุ่นยนต์ เครื่องจักรกลอัตโนมัติ และอุตสาหกรรมการเกษตร
อย่างไรก็ ดีได้มีการแลกเปลี่ยนนโยบายการสนับสนุนและการพัฒนาในสาขาอุตสาหกรรมเป้าหมายของไทยผ่านมาตรการเกี่ยวกับยานยนต์ไฟฟ้าและพลังงานสะอาดเพื่อสิ่งแวดล้อมของภาครัฐ โดยทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องในการพัฒนาความร่วมมือด้านการฝึกษา วัฒนธรรม และการท่องเที่ยว รวมทั้งความร่วมมือ กับกระทรวงอุตสาหกรรมในช่วงปลายปี 2567 ในงานแสดงสินค้า Hanan Equipment and Manufacturing ครั้งที่ 3 เพื่อแสดงศักยภาพของภาคอุตสาหกรรมของมณฑลหูนานให้กับผู้ประกอบการไทย และสร้างเครือข่ายการผลิตระหว่างกัน
อย่างไรก็ตาม ยังได้มีการหารือกับนักลงทุนจีน เพื่อกระชับความร่วมมือด้านเศรษฐกิจอุตสาหกรรมและการลงทุน ประกอบด้วย
- 1. SANY Group ผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องจักรกลหนักสำหรับอุตสาหกรรมการก่อสร้าง เหมืองแร่ และการเกษรต การดำเนินกิจการขยายธุรกิจไปยังหลายประเทศทั่วโลกรวมถึงไทย
- 2. ZOOMLION ผู้ผลิตและพัฒนาเทคโนโลยีด้านเครื่องจักรกลหนักระดับโลก เช่นเครื่องจักรก่อสร้าง รถทำเหมืองแร่ รถดับเพลิง และเครื่องจักรกลการเกษรต พร้อมทั้งให้บริการด้านสินเชื่อ นโยบายสำคัญในการบริหารการจัดการผลิตและชิ้นส่วนที่มีประสิทธิภาพ
- 3. WASION บริษัทชั้นนำด้านการผลิตมาตรวัด และระบบการบริหารจัดการประสิทธิภาพ เกี่ยวกับพลังงาน ได้แก่ น้ำ ไฟฟ้า แก๊ส และความร้อน โดยมีการพัฒนาทั้งสินค้า และบริการโดยระบบดิจิทัล และ Internet of things เพื่อให้การส่งพลังงานมีเสถียรภาพ สามารถป้องกันไฟฟ้าลัดวงจรได้
“การเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนครั้งดังกล่าว เป็นการเสริมสร้างความสัมพันธ์ในระดับนโยบายเพื่อการพัฒนาความร่วมมือด้านเศรษฐกิจอุตสาหกรรมระหว่างไทยและจีน โดยเป็นการผลักดันการพัฒนาเศรษฐกิจอุตสาหกรรมระดับมณฑลซึ่งมีศักยภาพที่แตกต่างกัน ซึ่งได้รับการตอบรับและการสนับสนุนเป็นอย่างดีทั้งจากหน่วยงานภาครัฐและผู้ประกอบการของจีน”
สำหรับนครเซี่ยงไฮ้และมณฑลเจียงซูที่อยู่ติดกันมีศักยภาพในด้านยานยนต์สมัยใหม่ แบตเตอรี่ รวมถึงระบบการขนส่งและการเคลื่อนที่อัจฉริยะ ในขณะที่มณฑลหูหนานที่อยู่ตอนกลางของประเทศ มีศักยภาพในด้านการผลิต เครื่องจักรกลหนัก และการท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ ซึ่งสามารถต่อยอดการพัฒนาความร่วมมือด้านเศรษฐกิจอุตสาหกรรมกับไทยได้อีกมาก ทั้งในด้านการลงทุน การถ่ายทอดเทคโนโลยี การจ้างงาน และการพัฒนาบุคลากรสำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์และอิเล็กทรอนิกส์ อัจฉริยะซึ่งทางจีนมีความเชี่ยวชาญสูง เพื่อให้ทั้งสองฝ่ายได้รับประโยชน์สูงสุดร่วมกัน