สื่อใหญ่จีนสะท้อนภาพ “ไทย-จีน” ใกล้ชิดกันยิ่งขึ้นในยุค ฟรีวีซ่า
1 มีนาคม 2567 เป็นวันแรกที่มาตรการยกเว้นการตรวจตราถาวร หรือ “ฟรี วีซ่า” ไทย-จีน มีผลบังคับใช้ สำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางประเภทธรรมดาและกึ่งราชการของทั้งสองฝ่าย นับเป็นการเปิดศักราชใหม่ในการกระตุ้นเศรษฐกิจ ผ่านการเดินทางท่องเที่ยว แลกเปลี่ยนการไปมาหาสู่
สำนักงานข่าวซินหัว สื่อใหญ่ของทางการจีนรายงานข่าวสะท้อนบรรยากาศที่เป็นไปในเชิงบวกดังกล่าว ผ่านการสัมภาษณ์ทั้งชาวไทย-ชาวจีน และเจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ที่ให้ความเห็นในแง่มุมต่างๆ เกี่ยวกับ มาตรการ “ฟรีวีซ่า” “ไทย-จีน” รวมทั้งแผนการท่องเที่ยวของพวกเขา เมื่อมาตรการดังกล่าวนี้เปิดโอกาสให้การเดินทางเป็นเรื่องสะดวกง่ายดายมากยิ่งขึ้น
อดิศร แสงกระจ่าง วัย 42 ปี ให้สัมภาษณ์สำนักข่าวซินหัวว่า เขาเดินทางถึงท่าอากาศยานสนามบินสุวรรณภูมิ เมื่อคืน วันพฤหัสบดี (29 ก.พ.) เพื่อโดยสารสู่เที่ยวบินนครเซี่ยงไฮ้ ทางตะวันออกของจีน นี้เป็นการเดินทางเยือนจีนครั้งแรกที่เขารคอยมาเนินนาน โดยอดิศร ถือเป็นหนึ่งในคนกลุ่มแรกที่ได้ประโยชน์จาก ยุค “ฟรีวีซ่า” ระหว่างไทยและจีน
พนักงานบริษัทผู้นี้ได้เดินทางท่องเที่ยวจีนครั้งแรกพร้อมเพื่อนร่วมงานอีก 11 คน โดยอดิศร เผยว่า อยากสัมผัสประสบการณ์ท่องเที่ยวจีนที่เป็นประเทศรุ่มรวยวัฒนธรรม และการมีนโยบาย ฟรีวีซ่าก็ช่วยอำนวยความสะดวกความสบายอย่างมาก ชวนให้เขาอยากกลับไปเที่ยวอีกหลายครั้ง
ขณะที่ กวิศรา เจริญพร ผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยวของไทย ซึ่งจัดเที่ยวบินเช่าเหมาลำออกเดินทางสู่เมืองจางเจียเจี้ยทางตอนกลางของจีน เมื่อวันศุกร์(1 มีนาคม) กล่าวว่าปริมาณการจองทริปท่องเที่ยวจีนเพิ่มขึ้น อย่างมีนัยสำคัญ นับตั้งแต่จีนและไทยลงนามข้อตกลงยกเว้นวีซ่าพร้อมกันเมื่อปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมา โดยเที่ยวบินเช่าเหมาลำจากกรุงเทพฯ สู่จางเจียเจี้ย เพิ่มขึ้นเป็น 3 เที่ยวต่อสัปดาห์
บุญสุข วิธานวัฒนา นักท่องเที่ยวคนหนึ่งผู้เริ่มเดินทางด้วยทริปเช่าเหมาลำสู่จางเจียเจี้ย เผยว่า เขาเคยไปเที่ยวเมืองนี้มาครั้งหนึ่งแล้ว ชื่นชอบทิวทัศน์อันงดงามและอากาศที่ดี พอตอนนี้ไม่ต้องขอวีซ่า ก็ยิ่งช่วยประหยัดเงินและเวลา ทำให้ตัดสินใจได้ง่ายขึ้นในการเดินทางไปเที่ยวอีกครั้ง
ก่อนหน้านี้ รัฐบาลไทยดำเนินนโยบายยกเว้นวีซ่าแกนักท่องเที่ยวชาวจีนเป็นชั่วคราวมาตั้งแต่เดือนกันยายน 2566 ส่วนการลงนามข้อตกลงยกเว้นวีซ่าร่วมกันระหว่างไทยและจีน ซึ่งมีผลบังคับใช้ วันที่ 1 มีนาคม 2567 เป็นต้นไปนั้น ถือเป็นอีกหนึ่งแรงผลักดันสำคัญ
ด้านนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตีไทย ก็ได้ยกย่องข้อตกลงยกเว้นวีซ่าให้เป็นหมุดหมายสำคัญของความสัมพันธ์ทวีภาคีระหว่างไทยและจีน ซึ่งจะสร้างผลลัพธ์เชิงบวกต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจไทย เพียงแง่การค้าและการลงทุน รวมถึงรายได้จากนักท่องเที่ยวที่กระจายถึงพ่อค่าแม่ค่าในไทยโดยตรง
สุรสิทธิ์ ถนัดทาง ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยยุทธศาสตร์ไทย-จีน ให้มุมมองเพิ่มเติมว่า “ยุคฟรีวีซ่า” จะนำพาความสัมพันธ์ระหว่างไทยและจีนใกลชิดกันยิ่งขึ้น เกื้อหนุนการไปมาหาสู่ของประชาชนสองประเทศและส่งเสริมการแลกเปลี่ยนระหว่างประชาชนสุ่ระดับใหม่ ตลอดจนกระชับมิตรภาพและความไว้วางใจซึ่งกันและกัน นำไปสู่การส่งเสริมสันติภาพในภูมิภาคด้วย